รูปภาพจาก Nebraska Warehouse
หากใครกำลังทำธุรกิจอาจเคยได้ยินคำว่า ”Fulfilment Center” มาบ้าง Fulfulment Center เป็นส่วนหนึ่งของระบบคลังสินค้าและได้รับความนิยมจากธุรกิจหลายๆ แห่งพอสมควร ซึ่งจริงๆ แล้ว Fulfilment Center คือสถานที่ ที่รับสินค้าเข้ามาจากบริษัทในเครือ บริษัทลูก หรือจากพ่อค้าบริษัทใดๆ แล้วนำสินค้ามาจัดการใส่บรรจุภัณฑ์ บรรจุสินค้าลง Package และจัดส่งสินค้า หรืออธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้นว่า บริษัทไม่อยากบรรจุสินค้าลง Package และจัดส่งสินค้า จึงจ้าง Outsource หรือ Fulfilment Center จัดการขั้นตอนเหล่านี้ให้ พร้อมกับมี Warehouse ให้เก็บสินค้าได้ด้วย ซึ่งเหมาะกับธุรกิจที่ไม่มีพื้นที่มากพอจะสร้าง Warehouse หรือคิดค่าใช้จ่ายแล้วไม่คุ้มที่จะจัดส่งสินค้าหรือบรรจุสินค้าเอง (ซึ่งมีต้นทุนพอสมควร) ดังนั้นการพิจารณา Fulfilment Center จึงเป็นเรื่องน่าสนใจ

รูปภาพจาก bizjournals.com
ในปกติบริษัททั่วไปที่มีกำลังมากพอ จะมีคลังสินค้าเป็นของตัวเองสำหรับจัดเก็บสินค้า และมีแผนกบรรจุภัณฑ์ แผนกจัดส่ง ซึ่งเหมาะกับธุรกิจที่มีสินค้ามากๆ หรือสินค้าผลิตจากพ่อค้าเจ้าเดียวหรือสองสามเจ้า แต่ในปัจจุบันมีธุรกิจยุคใหม่เกิดขึ้นอย่างมหาศาลในหลากหลายประเภท และในแต่ละธุรกิจอาจมีสินค้าในปริมาณระดับหนึ่งซึ่งอาจไม่ได้มากมายในหลักหมื่นหรือหลักแสน มูลค่าธุรกิจก็ไม่ได้มากมาย จึงอาจไม่คุ้มที่จะสร้าง Warehouse เอง ยิ่งไปกว่านั้น หากธุรกิจใดมีสินค้ามากๆ ก็จริงแต่ยังเป็นธุรกิจเล็ก (อย่างเช่นร้านเสื้อผ้าที่ยอดขายเยอะๆ แต่เป็นร้านเล็กอยู่) การบรรจุสินค้าลงบรรจุภัณฑ์และการจัดสินค้าเพื่อจัดส่งจะใช้เวลามาก เนื่องจากเรามีพนักงานในมือน้อย หรือหากทำเองก็จะเสียเวลา เกิดค่าเสียโอกาสขึ้น ในกรณีนี้ การพิจารณาหา Fulfilment Center เพื่อให้บรรจุสินค้าลง Package และจัดส่งสินค้าจึงเป็นไอเด่ียที่น่าสนใจ นอกจากนี้ Fulfilment Center เองก็มักมาพร้อมกับคลังสินค้าซึ่งสะดวกสำหรับธุรกิจที่มีพื้นที่น้อยหรือไม่คุ้มทุนที่จะสร้างพื้นที่ทำคลังสินค้าหรือ Warehouse เอง ในปัจจุบันก็มีบริษัทมากมายที่มีบริการ Warehouse และเป็น Fulfilment Center สร้างความสะดวกให้กับบริษัทที่อาจไม่มีกำลังพอหรือไม่สะดวกสร้าง Warehouse หรือบรรจุสินค้าและจัดส่ง
เพราะฉะนั้นแล้ว บริษัทที่ควรใช้บริการ Fulfilment Center นั้นจะเป็นบริษัทที่อาจมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ไม่ได้มีพื้นที่มากๆ หรือทุนหนาๆ แต่มีปริมาณสินค้าไหลเข้าจำนวนมากจนทำให้ไม่สะดวกในการบรรจุลงบรรจุภัณฑ์และจัดส่งสินค้าเอง (สินค้าเยอะจนอาจทำไม่ทัน) การที่จะทำเองก็เสียเวลาและเสียค่าใช้จ่ายมาก ในกรณีนี้ การพิจารณาเลือกใช้ Fulfilment Center น่าจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ประหยัดเวลาได้ดีกว่า
เรามาสรุปเหตุผลกันว่าทำไมจึงควรใช้ Fulfilment Center กัน
- ประหยัดเวลา – ขั้นตอนการบรรจุสินค้าและจัดส่งเป็นขั้นตอนที่ต้องทำด้วยแรงคน (ในกรณีนี้ธุรกิจที่ไม่ได้มีเครื่องจักร) ซึ่งเสียเวลามากและอาจเสียโอกาสนำเวลานั้นไปขายสินค้าหรือคิดพัฒนาธุรกิจได้อีก การใช้บริการ Fulfilment Center จะประหยัดเวลาส่วนนี้ไปได้มากเพราะบริษัทมักมีเครื่องจักรและแรงงานคนจำนวนมาก
- ประหยัดค่าใช้จ่าย – การทำ Fulfilment center นั่นหมายถึงต้องมีคลังสินค้าเก็บ ซึ่งมีค่าใช้จ่าย บริษัทที่มีทุนไม่มากอาจไม่สะดวก ส่วนเรื่องการจัดส่ง การบรรจุสินค้านั้นมีค่าใช้จ่ายสูง หากบริษัทมีทุนไม่มากพอหรือไม่เชี่ยวชาญ จะทำให้กำไรสินค้าหายไปจากการจัดส่ง ฉะนั้นการพิจารณาเลือก Fulfilment Center เพื่อลดค่าใช้จ่ายจะน่าสนใจกว่า

รูปภาพจาก amazon.com
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือการเลือกบริษัทที่จะใช้บริการ Warehouse และ Fulfilment Center เพราะปัจจุบันมีบริษัทเหล่านี้เกิดขึ้นมากมายซึ่งมีคุณลักษณะที่ต่างกัน ในฐานะเจ้าของธุรกิจควรพิจารณาและเลือกบริษัทที่ควรใช้บริการดังนี้
- ทำเลที่ตั้ง – การจัดส่งสินค้ามีต้นทุนเสมอ หากที่ตั้งของบริษัท Fulfilment Center อยู่ไกลเมืองหรือไกลลูกค้ามากจนเกินไป จะทำให้ต้นทุนค่าขนส่งสูง และนั่นส่งผลต่อต้นทุนสินค้าของเราโดยตรง ฉะนั้นควรเลือก Fulfilment Center ที่อยู่ใกล้ลูกค้าส่วนใหญ่ของคุณจะดีกว่า ค่าขนส่งก็จะไม่มาก
- ระบบ Tracking ตรวจสอบที่สะดวก – เนื่องจากงานเหล่านี้เป็นงานแรงงานที่กินเวลา มีขั้นตอนแน่นอนและใช้แรงงานคนและเครื่องจักรผสมกัน (เช่นใช้เครื่องจักรบรรจุสินค้าและคนขับรถไปสู่ลูกค้า) หากมีระบบออนไลน์ที่สามารถ Track ได้ว่าตอนนี้อยู่ในขั้นตอนใด ก็จะสะดวกกับบริษัทอย่างมาก อีกทั้งยังสามารถรู้วันจัดส่งอย่างแน่นอน บอกลูกค้าได้และสามารถวางแผนเกี่ยวกับสินค้าได้อย่างดี
- คลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพ – การบรรจุสินค้าและจัดส่งสินค้า หมายถึงว่าบริษัท Fulfilment Center จะต้องมี Warehouse หรือคลังสินค้าพร้อมให้บริการด้วย เพราะจะต้องจัดเก็บสินค้าไว้จนกระทั่งรอออเดอร์จากลูกค้าจึงจัดส่ง หรือเก็บสินค้าสต๊อกไว้บ้างบางส่วน ซึ่งหากบริษัทที่ดีจะมีขนาดใหญ่พอที่จะเก็บสินค้าได้ รองรับสินค้าทุกประเภท มีระบบจัดการคลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพ อาจรองรับการจัดเก็บสินค้าแบบ “วางเรียงบนพื้น” และ “เก็บบนชั้นวาง” ได้ตามความต้องการอีกด้วย
ทั้งหมดนี้คือ Fulfilment Center ที่จะมีบทบาทมากขึ้นในวงการธุรกิจและธุรกิจหลายๆแห่งควรพิจารณาและนำมาใช้กับบริษัทตัวเองเพื่อให้สามารถบริหารต้นทุนและบริหารเวลาได้อย่างดี